วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อุตุฯ เตือน 8 จว.และพื้นที่เสี่ยงภัยรับมือฝนตกหนัก-น้ำป่า 11-13 ส.ค.


ขอบคุณภาพจาก http://www.tmd.go.th

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนคนโคราช ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล และพื้นที่เสี่ยงภัยระวังฝนตกหนัก นำป่าไหลหลาก 11-13 ส.ค. ย้ำเรือเล็กฝั่งอันดามันจอดเทียบท่า อย่าเสี่ยงฝ่าคลื่นลมออกทะเล
       
       เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (9 ส.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไปว่าร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง
       
       ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะบริเวณ จ.นครราชสีมา ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนตกสะสม ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย
       
       สำหรับพยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า วันที่ 9-15 ส.ค. คาดหมายช่วงวันที่ 9-10 ส.ค. ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
       
       ช่วงวันที่ 11-15 ส.ค. ร่องมรสุมจะยังคงพาดผ่านตอนบนของประเทศไทย และประเทศลาวตอนบน ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อไปอีก และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ทะเลอันดามัน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
       
       ข้อควรระวัง ช่วงวันที่ 11-13 ส.ค. ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งตลอดช่วง 

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558 by Porrattana · 0

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

โคราชจัดงานบำเพ็ญกุศล 50 วัน “พ่อคูณ” มรณภาพเรียบง่าย เตรียมจัดใหญ่ 100 วันวัดบ้านไร่


พระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์พิธีบำเพ็ญกุศลปัญญาสมวาร ในโอกาสมรณภาพครบ 50 วัน หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ที่วัดพายัพพระอารามหลวง อ.เมือง จ.นครราชสีมา วันนี้ ( 5 ก.ค.)


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - โคราช จัดงานบำเพ็ญกุศลปัญญาสมวาร ครบ 50 วัน มรณภาพ “หลวงพ่อคูณ” เรียบง่ายที่วัดพายัพ พระอารามหลวง “สุวัจน์” พร้อมผู้ว่าฯ นำพุทธศาสนิกชนประกอบพิธี เผยเตรียมจัดงานใหญ่มรณภาพครบ 100 วัน ที่วัดบ้านไร่
       
       เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (5 ก.ค.) ที่หอประชุมสงฆ์จังหวัดนครราชสีมาวัดพายัพ พระอารามหลวง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีการจัดงานพิธีบำเพ็ญกุศลปัญญาสมวาร ในโอกาสมรณภาพครบ 50 วัน พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 และเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา โดยมี พระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันเป็นประธานฝ่ายฆราวาส มีประชาชน และศิษยานุศิษย์เข้าร่วมงานค่อนข้างบางตา
       
       สำหรับการการจัดงานครั้งนี้พิธีการเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป สวดพระพุทธมนต์ สวดมาติกาบังสุกุล สวดธรรมนิยาม และพระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมาเทศนา 1 กัณฑ์ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวถึงคุณงามความดีของพระเทพวิทยาคมและแฝงคำสั่งสอนการประพฤติตนให้เป็นคนดี รู้จักบุญคุณ กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
       
       จากนั้นได้ร่วมกันถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ ก่อนเสร็จสิ้นพิธีการ ซึ่งรายได้จากการบริจาคทำบุญในงานนี้ทั้งหมดจะมอบให้เป็นทุนการศึกษาของคณะสงฆ์วัดพายัพ ขณะที่วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้มีการประกอบพิธีการดังกล่าวขึ้นเช่นกัน ส่วนงานบำเพ็ญกุศลศพครบ 100 วัน จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เพียงแห่งเดียวเท่านั้น 


โคราชจัดงานบำเพ็ญกุศล 50 วัน “พ่อคูณ” มรณภาพเรียบง่าย เตรียมจัดใหญ่ 100 วันวัดบ้านไร่
       
โคราชจัดงานบำเพ็ญกุศล 50 วัน “พ่อคูณ” มรณภาพเรียบง่าย เตรียมจัดใหญ่ 100 วันวัดบ้านไร่
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
       
โคราชจัดงานบำเพ็ญกุศล 50 วัน “พ่อคูณ” มรณภาพเรียบง่าย เตรียมจัดใหญ่ 100 วันวัดบ้านไร่
นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
       
โคราชจัดงานบำเพ็ญกุศล 50 วัน “พ่อคูณ” มรณภาพเรียบง่าย เตรียมจัดใหญ่ 100 วันวัดบ้านไร่
       
โคราชจัดงานบำเพ็ญกุศล 50 วัน “พ่อคูณ” มรณภาพเรียบง่าย เตรียมจัดใหญ่ 100 วันวัดบ้านไร่
       
โคราชจัดงานบำเพ็ญกุศล 50 วัน “พ่อคูณ” มรณภาพเรียบง่าย เตรียมจัดใหญ่ 100 วันวัดบ้านไร่

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 by Porrattana · 0

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แฉชงชื่อ “พระนุช” รูปเดียว! คณะสงฆ์โคราชนัดถกตั้ง “เจ้าอาวาสใหม่” วัดบ้านไร่ 18 ก.ค.นี้


พระภาวนาประชานารถ (นุช รัตนวิชโย ) รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - คณะสงฆ์จังหวัดโคราชนัดถกแต่งตั้ง “เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่” รูปใหม่ 18 ก.ค.นี้ หลังกรรมการวัดบ้านไร่ชุดใหม่และคณะสงฆ์ด่านขุนทดมัดมือชกเสนอชื่อ “พระนุช” รูปเดียว อ้างชาวบ้านเห็นพ้องกัน เผยพร้อมสานต่อเจตนารมณ์พ่อคูณ 3 โครงการ ถวายเงินในหลวง 100 ล้านบาท สร้างบ้านให้พ่อ และซ่อมโบสถ์ ส่วนหนี้สิน 100 ล้านบาท “วิหารกลางน้ำ” ยังไม่ชัด รอเจ้าอาวาสใหม่สะสาง 
       
       วันนี้ (29 มิ.ย.) พระราชสีมาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินพระเทพวิทยาคมและวัดบ้านไร่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รายงานเรื่องผลสรุปการตรวจสอบทรัพย์สินพระเทพวิทยาคม และวัดบ้านไร่ให้แก่พระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมาให้รับทราบแล้ว ภารกิจของคณะกรรมการฯ ได้สิ้นสุดลงทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีใครเห็นแย้งหรือร้องเรียน ทรัพย์สินทุกอย่างของหลวงพ่อคูณและวัดบ้านไร่ก็อยู่ครบไม่ได้หายไปไหน และได้ส่งมอบให้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ได้ดูแลรักษาเพื่อส่งมอบต่อให้แก่เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่รูปใหม่ที่จะมาทำหน้าที่ต่อไป
       
       “หากมีการร้องเรียนเพิ่มเติมจากนี้ คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินฯ ชุดนี้คงไม่รับผิดชอบเพราะถือว่าได้ยุติบทบาทและส่งมอบให้ผู้รับผิดชอบดูแลต่อไปเรียบร้อยแล้ว คือรักษาการเจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดบ้านไร่ชุดใหม่” พระราชสีมาภรณ์กล่าว
       
       ส่วนการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่รูปใหม่นั้น ทราบว่าเจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด และคณะสงฆ์ตำบลกุดพิมาน พร้อมทั้งผู้นำท้องถิ่น คณะกรรมการวัดบ้านไร่ชุดใหม่ และ ชาวบ้าน ได้มีการประชุมหารือและลงมติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการเสนอชื่อพระสงฆ์ที่ชาวบ้านอยากให้มาดูแลวัดบ้านไร่ โดยในวันที่ 18 ก.ค.นี้จะมีการประชุมคณะสงฆ์ประจำเดือนของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเจ้าคณะอำเภอด่านขุนทดจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมาให้พิจารณาลงความเห็นตามที่เสนอมา
       
       หลังจากนั้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 5 วันก่อนมอบตราตั้งให้ต่อไป ส่วนจะเสนอชื่อพระรูปใดนั้นอาตมาไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเสนอชื่อรักษาการแทนเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันหรือพระรูปใหม่ก็ได้ทั้งนั้น หากญาติโยมเห็นว่าเหมาะสม เห็นดีเห็นงามด้วยก็ไม่น่าจะมีปัญหา
       
       ด้าน นายทวัฒน์ชัย แสนประสิทธิ์ หรือกำนันป่อง กำนันตำบลกุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หนึ่งในกรรมการวัดบ้านไร่และไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ชุดใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้พระภาวนาประชานารถ (นุช รัตนวิชโย) รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการวัดบ้านไร่ชุดใหม่แล้ว โดยมี พ.อ.พงศ์พันธ์ สายทิพย์วดี เป็นประธานกรรมการวัดบ้านไร่ และมีคณะกรรมการรวม 36 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านไร่ และมีคนเก่าจากคณะกรรมการวัดชุดเดิม 3 คน คือ ตนเอง, นายธวัช เรืองหร่าย และ นายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ หรือไก่โต้ง
       
       ล่าสุดคณะกรรมการวัดบ้านไร่ชุดใหม่ได้มีการประชุมร่วมกับพระลูกวัดบ้านไร่และชาวบ้านไร่ในการเสนอชื่อเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่รูปใหม่ โดยมติที่ประชุมเห็นตรงกันในการให้เสนอพระภาวนาประชานารถ (นุช รัตนวิชโย) รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ และเป็นการเสนอชื่อพระเพียงรูปเดียว
       
       ส่วนกรณีหนี้สินของวิหารเทพวิทยาคม หรือวิหารกลางน้ำ วัดบ้านไร่ รวมกว่า 100 ล้านบาทนั้น นายทวัฒน์ชัยกล่าวว่า นอกจากเรื่องการสานต่อเจตนารมณ์ของพระเทพวิทยาคม 3 เรื่อง คือ โครงการทูลเกล้าถวายเงิน 100 ล้านบาทแด่ในหลวง โครงการสร้างบ้านให้พ่อ และโครงการบูรณะซ่อมแซม อุโบสถวัดบ้านไร่ ที่หลังคาชำรุดหลุดร่วงแล้ว ในเรื่องหนี้สินของวิหารเทพวิทยาคม ซึ่งนายเกรียงไกร จารุทวี เป็นผู้ดูแลและก่อสร้างมาตั้งแต่ต้น และแจ้งว่าได้สำรองเงินจ่ายไปก่อนจากเดิม 96 ล้านบาท
        
       ล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 100 ล้านบาทนั้น คงต้องมีการปรึกษาหารือกับทางพระอาจารย์นุช รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ก่อน ซึ่งเบื้องต้นท่านไม่อยากให้มีปัญหาใดๆ แต่คงต้องนำเรื่องนี้ไปพูดคุยปรึกษาอีกครั้งหลังการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่รูปใหม่แล้วเสร็จ และดูรายละเอียดเอกสารต่างๆ ประกอบด้วย โดยจะดูว่ามีหลักฐานอะไรบ้างก็ให้มายืนยันกัน ซึ่งนายเกรียงไกรเองมีความศรัทธาที่จะสร้างวิหารให้หลวงพ่อคูณและให้เป็นสมบัติชาติ ฉะนั้นเชื่อว่าทุกอย่างน่าจะมีทางออกร่วมกันหากได้พูดคุยกัน 


พระราชสีมาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา


นายทวัฒน์ชัย แสนประสิทธิ์ หรือ กำนันป่อง กำนันตำบลกุดพิมาน


วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558 by Porrattana · 0

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โคราชระดมรับมือวิกฤตแล้ง “ลำตะคอง” แห้ง ให้ดึงน้ำ “เขื่อนลำแชะ” มาผลิตประปาเพิ่ม


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - โคราชระดมทุกหน่วยงานแก้วิกฤตภัยแล้ง เผย “เขื่อนลำตะคอง” เข้าขั้นแห้งวิกฤตลดการส่งน้ำ ขอให้เทศบาลนครนครราชสีมาดึงน้ำดิบจาก “เขื่อนลำแชะ” วันละ 35,000 ลบ.ม. มาผลิตน้ำประปาหล่อเลี้ยงเมืองเพิ่มเป็นเวลา 3 เดือน พร้อมเร่งทำฝนหลวงเพิ่มและแจ้งเกษตรกรเลื่อนปลูกข้าวนาปีไปถึง ส.ค. ล่าสุดประกาศภัยพิบัติแล้งแล้ว 25 อำเภอ จาก 32 อำเภอ
       
       วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมสำนักชลประทานที่ 8 อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) เขื่อนลำตะคอง โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักชลประทานที่ 8, ชลประทานจังหวัดนครราชสีมา, เกษตรจังหวัด, ปศุสัตว์จังหวัด, ประมงจังหวัด, สถานีอุตุนิยมวิทยา, ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เทศบาลนครนครราชสีมา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และตัวแทนเกษตรกรในพื้นที่ รวมกว่า 100 คนเข้าร่วมการประชุม
       
       ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันวางแผนจัดสรรการใช้น้ำในเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ให้เพียงพอไปจนถึงฤดูแล้งปีหน้า และวางแผนแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในอนาคตที่จะถึงนี้ เนื่องจากปัจจุบันปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคองได้ลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว ล่าสุดเหลือปริมาณน้ำใช้การได้เพียง 59 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็นร้อยละ 19
       
       ในที่ประชุมได้หารือถึงการวางมาตรการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ ด้วยการให้เทศบาลนครนครราชสีมาดึงน้ำดิบจากเขื่อนลำแชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา วันละไม่เกิน 35,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อมาใช้ในการผลิตน้ำประปาในเขตเทศบาลฯ เพิ่มเป็นระยะเวลา 3 เดือนจากนี้ไป และให้ทางเทศบาลฯ จัดสรรการจ่ายน้ำประปาให้แก่ประชาชนในเขตรับผิดชอบเป็นรอบๆ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้อุปโภคบริโภคได้ทั่วถึง
       
       พร้อมทั้งประสานให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงเร่งทำฝนหลวงเพิ่มขึ้น และในส่วนของเกษตรกรในพื้นที่เขตชลประทานที่มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 160,000 ไร่ ขณะนี้ทางชลประทานได้ขอความร่วมมือให้เกษตรกรเลื่อนการเพาะปลูกนาปีออกไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2558 เพื่อรอให้มีฝนตกลงมาช่วยปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคองเพิ่มขึ้น
       
       กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่า ในปี 2558 นี้คาดว่าจะมีฝนตกลงมาน้อยกว่าเกณฑ์ และจะมีพายุฝนเพียงแค่ 1 ลูกเท่านั้นที่พัดเข้ามาในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2558
       
       นายธงชัยกล่าวว่า จ.นครราชสีมาได้ประกาศภัยแล้งแล้ว 25 อำเภอ จาก 32 อำเภอ หลายฝ่ายเกรงว่าจะเกิดปัญหาการแย่งชิงน้ำ ขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้น ตอนนี้ได้ประชุมแบ่งน้ำโดยการเชื่อมท่อเข้าหากันหมดทุกอ่างเก็บน้ำทั้ง 5 อ่างขนาดใหญ่ของ จ.นครราชสีมา ซึ่งสำนักงานชลประทานที่ 8 เป็นผู้บริหารจัดการน้ำ ทั้งน้ำเพื่อการเกษตร และน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค น้ำทำประปา ซึ่งต้องบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนให้มากที่สุด
       
       ขณะนี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลืออยู่ 80 ล้าน ลบ.ม. จากความจุเก็บกัก 314 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำให้ได้เพียง 50 ล้าน ลบ.ม. ส่วนอีก 30 ล้าน ลบ.ม.ต้องเก็บกักไว้สำหรับหล่อเลี้ยงระบบนิเวศและตัวอ่าง, เขื่อนลำแชะ อ.ครบุรี เหลือน้ำ 100 ล้าน ลบ.ม., เขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย เหลือ 30 ล้าน ลบ.ม. เป็นต้น สิ่งที่จะต้องทำคือ ต้องบริหารจัดการน้ำที่เหลือให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั้งจังหวัดและทั้งประเทศ เพราะโคราชเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย ถ้าโคราชผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ประเทศไทยก็จะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้
       
       รวมทั้งองค์กรผู้ใช้น้ำคือประชาชนทั้งหมดต้องมารับรู้ร่วมกันด้วยว่า การใช้น้ำจะผิดจากปกติไปแค่ไหนเพียงไร และจะประหยัดกันอย่างไร ส่วนผู้ผลิตน้ำประปา ทั้งการประปาส่วนภูมิภาค ประปาเทศบาลนครนครราชสีมา ก็ต้องเสมือนหนึ่งเป็นหน่วยงานเดียวกันบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกันก็จะอยู่กันได้


 ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 18:51 น.

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 by Porrattana · 0

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กรณ์ จี้ บิ๊กตู่ ทบทวนแผนรถไฟจีน ไทยเสียเปรียบ-ปชช.แบกหนี้


นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง กล่าวถึงแผนการลงทุนของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในโครงการความร่วมมือด้านการรถไฟระหว่างจีนกับไทย ที่รัฐบาลได้ทำบันทึกความเข้าใจว่า จะกู้เงินจากจีนมาลงทุนเองในเส้นทางรถไฟ สายหนองคาย -โคราช-แก่งคอย-มาบตาพุด (ความยาว 734 กม.) ว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมที่วางไว้ตั้งแต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี 2553 โดยกำหนดเส้นทางหลักว่าจะเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และใช้วิธีการร่วมลงทุน ไม่ใช่ไทยลงทุนฝ่ายเดียว จึงไม่เข้าใจว่า เหตุใดรัฐบาลจึงตัดสินใจเช่นนี้ เพราะก่อนหน้านี้ จีนเคยทำบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นกับไทยแล้ว ว่าจะลงทุนร่วมกัน

        "ผมอยากเห็นเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างไทย-จีน เพราะผลตอบแทนทางการเงินของโครงการคุ้มค่ายากในบางเส้นทาง ซึ่งจะทำให้ภาระด้านการเงินตกหนักที่ประเทศไทย จึงควรหาวิธีลดภาระด้วยการให้ผู้ที่ได้ประโยชน์อื่นมาร่วมรับภาระกับเรา โดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมจีน เป็นแนวคิดตั้งแต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นโครงการร่วมลงทุน และจีนในขณะนั้นก็ลงนามเบื้องต้นตกลงแล้ว เพราะมีผลประโยชน์ต่อจีนในเชิงยุทธศาสตร์อย่างมาก ถ้าไทยไม่สร้าง แผนการสร้างรถไฟเอเชียสายใต้ไม่มีทางประสบความสำเร็จ ดังนั้น จีนมีกำลังทางการเงินที่เข้มแข็ง และเคยแสดงความพร้อมในอดีตที่จะมาร่วมภาระในส่วนเส้นทางที่ผ่านประเทศไทยด้วย จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนวิธีการใหม่"

        นายกรณ์ กล่าวด้วยว่าไม่เข้าใจว่าทำไมเราจึงคิดว่า ควรจะรับภาระนี้ไว้เองคนเดียว ซึ่งเป็นภารที่ไม่น้อย ต้องกู้ยืมเงินหลายแสนล้านบาท ซึ่งในอดีตเกือบทุกโครงการ สุดท้ายต้องใช้งบประมาณมากกว่าที่ตั้งไว้ครั้งแรก จะเป็นภาระขั้นตอนต่อไปที่มากกว่านี้ ถ้ามีผลการดำเนินการขาดทุน จะเป็นภาระซ้ำซ้อน ทั้งในแง่ของภาระดอกเบี้ย การชำระเงินต้น และภาระขาดทุนเพิ่มเติมด้วย ถ้ารัฐบาลกู้เงินสร้างเอง 100 % จะเป็นภาระประชาชนเต็ม 100

        " คนที่จะได้ประโยชน์ในเชิงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับระบบราง คือจีน แต่ไทยต้องแบกภาระทางการเงิน และผู้ได้ประโยชน์อื่นๆ คือผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้ขายอุปกรณ์รถไฟ ระบบสัญญาณต่างๆ ซึ่งก็น่าจะเป็นทั้งจีน และบริษัทไทยบางบริษัท ถ้าคิดเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ควบคู่ไปด้วย ก็เท่ากับสร้างประโยชน์ให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ผลักภาระหนี้มาให้ประชาชน" นายกรณ์ กล่าว

        อดีต รมว.คลัง ยังเสนอว่า หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล และต้องลงทุนเอง 100 % คงจะทุ่มเทในการลงทุนในระบบรถไฟทางคู่ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้เท่าตัว เมื่อเทียบกับปัจจุบัน และจะมีการลงทุนที่น้อยกว่า อีกทั้งมีผลในการขนส่งสินค้ามากกว่า ส่วรถไฟความเร็วสูง มีก็ดีแต่ต้องไม่เป็นภาระการเงินการคลังมากเกินไป ตนกังวลว่า ถ้ากู้มาลงทุนฝ่ายเดียวอาจจะเป็นภาระการเงินที่มากเกินไปสำหรับเรา เพราะสถานะของประเทศยังไม่มั่นคงพอที่จะลงทุนเองทั้งหมด ยกตัวอย่างที่ อังกฤษ ซึ่งร่ำรวยกว่าเราก็ยังหาข้อสรุปหรือไม่ในการสร้างรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 เชื่อม ลอนดอนทางเหนือ

        ส่วนเส้นทางรถไฟความเร็วสูง กทม.-เชียงใหม่ นั้น นายกรณ์ ระบุว่า ยิ่งไม่มีความคุ้มค่า เพราะให้ผลแทนทางเศรษฐกิจที่ต่ำ ซึ่งในช่วงรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผลการศึกษาของราชการเองก็พบว่าไม่คุ้มค่า ทั้งนี้หากรัฐบาลเดินตามแผนการก่อสร้างในทุกเส้นทางที่ระบุออกมา ก็เท่ากับประเทศไทยจะมีหนี้ราว 8 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐต้องทบทวนให้ดี ว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ และจะกระทบต่อสถานะการเงินของประเทศหรือไม่ 

ที่มา : ASTVผู้จัดการรายวัน 15 มิถุนายน 2558 21:42 น.

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558 by Porrattana · 0

โคราช พบเครื่องปั้นดินเผาโบราณ


ชาวบ้านตะกุดใหญ่ หมู่ 6 ตำบลโคกกระชาย อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ตากพากันแตกตื่น  เนื่องจากรถไถนาที่เข้าไปปรับเตรียมหน้าดินในนาของชาวนาหลายแปลง ขุดพบชิ้นส่วนเครื่องปั้นดินเผาจำนวนกว่า 100 ชิ้น พร้อมกับซากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันอีกจำนวนมาก โดยชิ้นส่วนของเครื่องปั้นดินเผาที่ถูกพบส่วนใหญ่ได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่บ้าน
นายชาญชัย ศรศรีวิชัย นายอำเภอครบุรี ได้ประสานผู้ใหญ่บ้าน ให้แจ้งเจ้าของที่นาหยุดการปรับที่นาไว้ก่อน รอเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร เข้ามาตรวจสอบสิ่งของต่างๆ ที่ขุดพบเป็นวัตถุโบราณที่จะต้องอนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติของชาติหรือไม่
นายอาคม พูนกระโทก ผู้ใหญ่บ้านตะกุดใหญ่ หมู่ที่ 6 เปิดเผยว่า ที่ดินที่มีการขุดพบชิ้นส่วนโบราณต่างๆนี้ อยู่ติดกับลำน้ำลำแชะ ที่เป็นลำน้ำสายหลักของหมู่บ้าน เดิมที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นเนินดินสูงกว่าสภาพที่เป็นอยู่ประมาณ 2 เมตร และถูกใช้ทำไร่มันสำปะหลัง  แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการปรับสภาพพื้นที่มาทำนา จึงต้องมีการขุดดินให้ลึกลงมาเกือบ 2 เมตร กระทั่งมีการขุดพบดังกล่าว ถึงแม้จะมีการสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเคยมีคนอาศัยอยู่ก่อนหรือไม่ ทราบเพียงแต่ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นไร่มันสำปะหลังมาหลายชั่วอายุคนแล้ว
ดังนั้นสิ่งที่พบอาจจะเป็นโบราณวัตถุ ที่อาจจะมีความสำคัญก็เป็นได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังเคยมีกลุ่มนักล่าสมบัติเข้ามาขุดหาของมีค่าแล้วหลายครั้ง จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ เพราะหากเป็นของสำคัญจริงทุกคนก็อยากให้มีการนำไปเก็บรักษาไว้ให้เป็นสมบัติของชาติสืบไป
ที่มา : โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 มิ.ย. 2558 06:55

by Porrattana · 0

ผู้การโคราชสั่งปิดกลุ่มเช็คด่าน หากเมินเรียกแอดมินดำเนินคดี


ผู้การโคราชสั่งปิดกลุ่มเช็คด่าน หากเมินเรียกแอดมินดำเนินคดี | เดลินิวส์
„ผบก.นครราชสีมา สั่งปิดกลุ่มเช็คด่านตำรวจทุกกลุ่ม หลังพบตั้งเพจหลายราย ย้ำชัด! หากมีการฝ่าฝืนเตรียมเชิญแอดมินดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์“

ผู้การโคราชสั่งปิดกลุ่มเช็คด่าน หากเมินเรียกแอดมินดำเนินคดี | เดลินิวส์
„เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร ได้มอบนโยบายให้สถานีตำรวจภูธรทุกแห่งทั่วประเทศ กวดขันในการปิดกลุ่มเช็คด่านตำรวจในพื้นที่ พร้อมทั้งมีการจับกุมแอดมินกลุ่มดังกล่าว มาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากเป็นภัยต่อความมั่นคง และทำให้ผู้ที่ก่อเหตุอาชญากรรม รวมไปถึงคดียาเสพติดทำให้รู้ช่องทางในการหลบหนีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงต้องมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดนั้น ขณะนี้ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมพิวเตอร์ ให้มีการตรวจสอบกลุ่มตั้งเพจเช็คด่านตำรวจในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ที่มีอยู่หลากหลายกลุ่ม โดยใช้ชื่อคล้ายคลึงกันจนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ไว้ใช้ตรวจสอบเส้นทางเดินทางกลับบ้านหลังสังสรรค์ เมื่อพบว่ามีด่านก็จะเลี่ยงใช้เส้นทางอื่นแทน ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เผยต่อว่า ในโคราชจะมีอยู่ประมาณ 4-5 กลุ่มใหญ่ ซึ่งจะมีสมาชิกตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสน โดยกลุ่มดังกล่าวจะมีการโพสต์แจ้งด่านตรวจตลอดเวลา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ทำงานลำบากมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่การตั่งด่านแต่ละครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องของรางวัลนำจับ แต่จะมุ่งเน้นเรื่องของการปราบปรามผู้กระทำความผิดกฎหมายบ้านเมือง มากกว่าจับกุมวินัยจราจรอย่างไรก็ตาม ฝากไปถึงแอดมินกลุ่มเช็คด่านตำรวจโคราชทุกกลุ่ม ให้ปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง โดยการปิดกลุ่มดังกล่าวลง ซึ่งจากนี้ไปจะมีการติดตามตรวจสอบว่ายังเปิดอยู่หรือไม่ หากมีการเปิดกลุ่มดังกล่าวอยู่ จะได้ทำการเชิญตัวแอดมินของแต่กลุ่มมาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต่อไป...“

ที่มา : http://www.dailynews.co.th/regional/328592

by Porrattana · 0